ความสำเร็จที่ใครๆก็ทำได้

ความสำเร็จ
                ความสำเร็จคืออะไร ความสำเร็จคือ ระดับการบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ของแต่ละบุคคล คนแต่ละคนหรือองค์กรแต่ละองค์กรมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าความสำเร็จของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน                       มีนักเรียนสองคน คนแรก ตั้งเป้าไว้ว่ายังไงก็จะต้องทำการบ้านให้เสร็จภายในคืนนี้ นักเรียนคนที่สองตั้งเป้าไว้ว่าการบ้านที่ทำในวันนี้จะต้องทำถูกหมดทุกข้อ เด็กทั้งสองคนมีเวลาทำการบ้านเท่ากัน ทั้งสองคนทำการบ้านเสร็จทันเวลาเหมือนกัน โดยที่เป้าหมายของเด็กนักเรียนคนแรกได้ประสบผลสำเร็จไปแล้ว เหลือแต่เพียงเด็กนักเรียนคนที่สองที่ยังจะต้องรอลุ้นผลคะแนนการทำการบ้านต่อไป เพราะครูยังไม่ยอมตรวจการบ้าน ความสำเร็จของเด็กคนที่สองจึงยังไม่เป็นผล
                แล้วอะไรเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ความสำเร็จของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นตัวชี้วัดความสำเร็จย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นนอน และตัวชี้วัดความสำเร็จของแต่ละบุคคลก็ไม่ควรที่จะเอามาเปรียบเทียบกัน เพราะคนทุกคนมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น มิติทางเศรษฐศาสตร์ ความสำเร็จ คือ ผลกำไร (profit) หรือประโยชน์ที่เกิดจากการลงทุน หากเป็นมิติของผู้จัดการฝ่ายผลิต ความสำเร็จหมายถึง คุณภาพหรือปริมาณของผลผลิตที่เป็นสินค้าหรือบริการ ส่วนมิติของนักวิทยาศาสตร์การวิจัย ความสำเร็จหมายถึงจำนวนของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ หรือผลผลิตใหม่ ๆ และสุดท้ายในมิติของนักสังคมศาสตร์ ความสำเร็จจะพิจารณาจากคุณภาพชีวิตของมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร เราจะเห็นได้ว่าแต่ละองค์กรแต่ละหน่วยงานจะมีความสำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์และวิสัยทัศน์ขององค์กรนั้นๆมากกว่าที่จะอยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกัน
            จะเห็นได้ว่า เป้าหมายของคนเรานั้นมียากมีง่ายแตกจ่างกันไปขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามของแต่ละบุคคล ใครที่มีความฝันหรือที่เรียกว่า ปณิธาน อันแรงกล้า ไม่ว่าฝันเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหน คนเหล่านั้นย่อมทำมันได้สำเร็จเสมอ หากหนึ่งเป้าหมายบวกกับหนึ่งความตั้งใจ ไม่มีทางที่เราจะทำไม่สำเร็จยกเว้นเพียงแต่ว่าเรายอมที่จะปล่อยมือระหว่างทาง ซึ่งมันก็จะทำให้ความฝันนั้นไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เคยตั้งใจไว้ ดังนั้นหากเรามองเป้าหมายและความฝันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต สิ่งที่เราควรจะมีควบคู่กันคือ ความมานะพยายาม ถ้าคุณรู้สึกท้อใจ ให้มองไปที่เป้าหมายของคุณว่าคุณเข้าใกล้มันมากขึ้นทุกที แล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตของคุณ


จากความเชื่อมั่นสู่ความสำเร็จ
ความเชื่อมั่น คือค่าความคงที่ในการวัด โดยที่ไม่ว่าเราจะวัดออกมากี่ครั้งค่าที่ได้ก็จะคงที่เสมอ ก็เหมือนกับการที่เราเชื่อ หรือมั่นใจ กับสิ่ง สิ่งหนึ่งและเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะคงที่ตรงตามความพอใจ ความเชื่อมั่นในที่นี้ไม่ได้มีการวัดค่าเป็นตัวเลขแต่อย่างใด แต่เป็นความเชื่อมั่นที่เกิดจากความรู้สึกที่มีความเชื่อต่อบุคคลหนึ่งๆไม่ว่าจะเป็นตนเองหรือใครก็ตาม เพียงแค่เราเชื่อมั่น เชื่อใจ และศรัทธา ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ถือว่าเราทำเต็มที่ ที่สุดแล้ว
ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขาถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ แต่ถ้าใจเราคิดว่าทำไม่ได้ แม้จะง่ายแค่พลิกฝ่ามือ ก็ยังไม่มีวันประสบความสำเร็จ
ดร.ซุนยัตเซ็น
ความสำเร็จของคนเรา คือ เรื่องราวต่างๆหรือสิ่งที่ดีๆที่เราต้องการให้เกิดขึ้นกับชีวิตเรา แต่สำหรับบางคน ความสำเร็จอาจมาในรูปของ เงินทอง และทรัพย์สมบัติต่างๆ รวมถึงตำแหน่งหน้าที่การทำงาน
                แต่ถึงอย่างไรแล้ว ความสำเร็จนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากเราขาด ความเชื่อมั่น และศรัทธา หากเรามีความเชื่อว่าเราทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขามาถมทะเล เราก็ทำได้  เพราะการที่เราเชื่อมั่นในตัวเรา มันเหมือนเป็นแรงผลักดันและเกราะป้องกันให้ตัวเราเข้มแข็งจนในที่สุดเราก็จะประสบความสำเร็จ แต่หากเราขาดความเชื่อมั่นว่าเราไม่สามารถทำได้ ความล้มเหลวมันก็รอเราอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
คนที่ทำประสบความสำเร็จ ไม่มีใครเป็นยอดมนุษย์ คนทุกคนก็เป็นแค่คนธรรมดา เพียงแต่เขาเหล่านั้นมีความเชื่อมั่นว่า ตัวเองทำได้
มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ความคิด เพราะคนส่วนใหญ่ชอบคิด ชอบมองแต่ด้านลบในตัวเอง จนก่อให้เกิดเป็นเครื่องบั่นทอนความเชื่อมั่น หากชีวิตนี้เราคิดเพียงแค่ว่า ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่เก่งพอ ฉันไม่กล้าพอ ฉันแก่เกินไปที่จะทำ ฉันยังเด็กเกินไป ฉันไม่ค่อยฉลาด ฉันเรียนมาน้อย ฉันไม่ได้รวย อะไรทำนองนี้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เราคิดขึ้นมา มันล้วนแต่เป็นความคิดด้านลบที่จะไม่มีวันทำให้เราประสบความสำเร็จได้  เพราะเมื่อเราเริ่มคิด จิตใจเราก็เริ่มท้อถอย หดหู่ และสุดท้ายเราจะขาดความเชื่อมั่นในตัวตนของตนเองไปทันที โดยแท้ที่จริงแล้ว ถ้าเราได้ลองลงมือทำ เราอาจจะทำมันออกมได้ดีเลยก็เป็นได้ สาเหตุที่เราไม่ประสบความสำเร็จหลักๆเลยก็เพราะ ชีวิตเราเริ่มต้นจากการขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตัวเอง บางครั้งเราลองควรคิดทบทวนดูบ้างว่า เราได้ใช้ความสามารถของตัวเราเพื่อตัวเราหรือคนที่เรารักแล้วหรือยัง

เราวัดความสำเร็จจากอะไร??
การวัดความสำเร็จในที่นี้หมายถึงการวัดขนาดเป้าหมายของคนสำเร็จ เพราะการที่เราจะมองว่าใครสำเร็จมากสำเร็จน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คิด บางคนคิดฝันจะมีเงิน 100 ล้านบาท แต่บางคนฝันอยากมีเงินแค่ 10  ล้านบาท  เราจะเห็นได้ว่าขนาดของความฝันทั้งสองคนแตกต่างกัน แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะสามารถทำฝันของตนเองให้สำเร็จได้เร็วกว่ากัน และแต่ละขนาดความคิดก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกถึงความโง่ความฉลาดของแต่ละคน เพราะบางทีคนที่อยากมีเงิน 10 ล้าน เขาอาจมีความพึงพอใจที่จะมีเพียงเท่านี้ก็เป็นได้
ความสำเร็จของคนเรา วัดกันที่ขนาดความคิดของเขา
                                                                                                                                ….David J.Schwartz…..
ความเชื่อเป็นตัวกำหนดเป้าหมาย และขนาดของความเชื่อก็เป็นตัวกำหนดขนาดของเป้าหมาย คนที่ไม่กล้าที่จะคิดการใหญ่ มองเป้าหมายแค่เล็กๆ มองชีวิตของตนเองเป็นเพียงแค่การหาเลี้ยงชีพไปวันต่อวัน เช่น ถ้าเป็นแรงงาน ก็หวังเพียงแค่ในหนึ่งวันต้องหาเงินเพื่อมาซื้อกับข้าวเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียไปวันๆก็พอ ถ้าเป็นแม่ค้าตลาดนัดก็หวังเพียงแค่อย่างน้อยให้ได้ต้นทุนคืนหรือได้กำไรวันละนิดละหน่อย ก็พอ ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็หวังเพียงแค่พอให้สอบผ่านไม่สอบตกเป็นพอ ไม่ได้คาดหวังเกรดที่สูง แต่คนที่คิดการใหญ่จะหวังเพียงเป้าหมายที่เขาจะสำเร็จสูงสุด เช่นถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็หวังว่าต้องคว้าเกรด มาให้ได้ หรือการแข็งขันกีฬา ต้องคว้ารางวัลที่หนึ่งมาให้ได้ เพราะชีวิตต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดเหมาะสมกับความเชื่อมั่นของตัวเองมากที่สุด การที่ฝึกให้คิดการใหญ่ให้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าจะสอนให้เราหวังสูงหรือหวังเกินตัว แต่เป็นการฝึกให้เราคิดที่จะมีเป้าหมาย มีจุดมุ่งหมาย และมีความพยายามในชีวิต เพราะหากเราคิดเพียงแค่เรื่องแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่เกิดความสามารถ เราก็แพ้ตั้งแต่คิดแล้ว ชีวิตนี้ก็คงไม่ต้องพยายามอะไรกันเลย คนทุกคนสมารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับว่า เรามีความเชื่อมั่น ความศรัทธาในตนเองมาแค่ไหน มันไม่มีคำว่าทำไม่ได้แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะทำมันหรือเปล่าและเราให้ความทุ่มเทความพยายามกับมันมากพอแล้วหรือยัง นี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
********************************************************************
เคล็ดลับความสำเร็จ
จริงๆแล้วความสำเร็จมันไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเลย ถ้าหากเราไม่มัวแต่แสวงหาความลบเคล็ดลับ หรือเส้นทางลัดสู้ความสำเร็จ การที่เรามัวแต่แสวงหาสิ่งเหล่านี้มัวแต่ศึกษาข้อมูล มัวแต่วาดฝัน มันก็เลยเป็นเหตุให้เรามองข้ามเรื่องราวของความเป็นจริงที่อยาก ถ้าอยากให้สำเร็จเราควรที่จะเริ่มลงมือทำ
เทคนิคมหัศจรรย์สำหรับความสำเร็จคือการลงมือทำมันเดี๋ยวนี้ เพราะหากคุณรอแต่คำว่าพรุ่งนี้มันก็ไม่มีวันที่จะมาถึง คนที่มัวแต่เพ้อฝันจินตนาการ สร้างเรื่องราวในอากาศทุกสิ่งอย่างก็จะเป็นได้เพียงแค่ความฝันส่วนคนที่ลงมือทำจริงโดยไม่ลังเล คนเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จดังที่วาดฝันไว้อย่างแน่นอน
จะเห็นได้ว่าเคล็ดลับความสำเร็จนี้ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด อยู่ที่ว่าเราจะดึงมันออกมาใช้เมื่อไหร่ หรือมัวแต่เอาความเกียจคร้าน หรือข้อแม้ต่างๆมาปิดกันมัน ถ้าหากเรามีข้ออ้างในการลงมือทำมากเท่าไหร่ ความสำเร็จเราก็จะอยู่ไกลออกไปมากเท่านั้น ดังนั้นเราควรที่จะลงมือทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพื่อให้เกิดความสำเร็จโดยเร็วที่สุด
********************************************************************
ทุกความสำเร็จในชีวิตของคนเรานั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ
 “When you go in search of honey you must expect to be stung by bees.
                                                ---Kenneth Kaunda---
เมื่อคุณต้องการน้ำผึ้ง คุณต้องรู้ว่าคุณจะถูกผึ้งต่อย
ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะประสบความสำเร็จโดยที่ได้อะไรมาแบบฟรีโดยที่ไม่ต้องจ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ต้องจ่ายในที่นี้ไม่ได้มีความหมายอยู่ในรูปแบบของเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงเวลา ความสุข โอกาสหรือแม้แต่การแลกมาด้วยชีวิตก็มี เช่น การไต่เพื่อให้ขึ้นตำแหน่งหัวหน้า เพื่อยอมแลกกับการขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นต้น หรือง่ายๆ ถ้าเราไปสอยมะม่วงแล้วต้องแลกมาด้วยการโดนมดกัด การใช้แรงสอย แต่สิ่งที่เราได้ก็ คือมะม่วงที่เราต้องการ นี่ก็ถือเป็นสิ่งที่เราได้จ่ายไปอย่างหนึ่ง และยิ่งสิ่งที่เราจ่ายไปมีมากเท่าไหร่แสดงว่าผลตอบแทนของความสำเร็จนั้นย่อมต้องมีมากกว่าเป็นหลายเท่า อยู่ที่เราเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเองว่าสมควรเป็นคนที่พร้อมจะจ่ายมากน้อยแค่ไหน แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะจ่ายอะไรเพื่อแลกกับความสำเร็จแล้วหรือยัง
********************************************************************
ความพยายามอยู่ทีไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
“Do you what you can, with what you have, where you are.”
ทำในสิ่งที่คุณทำได้ พร้อมกับสิ่งที่คุณมี และที่ที่คุณอยู่
                                                                                                                                …Theodore Roosevelt..
ธีโอดอร์ รูสเวลต์  ประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐอเมริกา เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปี ค.ศ. 1905 และเป็นแรงบันดาลใจของการสร้างตำนานตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ที่โด่งดังไปทั่วโลก เขากลายเป็นแบบอย่างของคนที่มีความมานะมุ่งมั่น มีพลังในการทำงาน มากกว่าจะยอมจำนนต่อขีดจำกัดที่มีอยู่
                คนเรานั้นหากไร้ซึ่งความพยายาม และความมานะมุ่งมั่นแล้ว ก็ยากที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จ หากเรายอมจำนนต่อขีดจำกัด ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ก็ยิ่งเหมือนเราปล่อยให้ความสำเร็จลอยไกลเราไปเรื่อยๆ  ขอเพียงแค่เราทำในสิ่งที่เราทำได้ ด้วยความเต็มที่เต็มใจ และพยายามสุดความสามารถ เพียงเท่านี้เราก็เข้าใกล้ความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว
                คนเรานั้นมักรอคอยแต่ผลลัพธ์ เหมือนการการทำบุญหวังผล หรือการทำดีเพื่อให้คนเห็นความดีและยกย่องสรรเสริญ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เป็นสิ่งที่เราพยายามจะให้มันเป็นทั้งๆที่จริงแล้วใจเราไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น เขาเรียกว่าการสร้างภาพ และหากเมื่อผลลัพธ์ไม่ออกมาเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกก็เลยไร้ซึ่งความพยายามต่อสิ่งที่ทำ ทำให้เกิดความล้มเหลวเพราะไม่ประสบความสำเร็จ แต่หากเราลองมองเป้าหมายเป็นสิ่งที่เราอยากได้ อยากทำ อยากพยายาม ไม่ว่าผลของการพยายามครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม จะออกมาไม่สำเร็จ แต่คุณก็ยังมีความตั้งใจที่จะทำครั้งที่สี่ ห้า หก ไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะสำเร็จ เพราะไม่ว่าคุณจะทำพลาดมากี่ครั้งทุกๆคุณควรมองว่าทุกๆครั้งคือทุกๆก้าวของความสำเร็จ เพราะมันมีมีความพยามไหนที่จะสูญเปล่าโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา แล้ววันแห่งความสำเร็จของคุณก็จะมาถึงเอง

ความสำเร็จ จะมีหรือไม่มีก็ช่างมันเถิด แต่จงทำมันไปเรื่อยๆ
                                                                                                                                ....เฮนรี่ ฟอร์ด....
ฟอร์ด ถือว่าเป็นนักปฏิวัติอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลก ผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ จนร่ำรวยติดอันดับโลก ทั้งที่มีอดีตเป็นเพียงลูกชาวนายากจนการศึกษาต่ำ สมัยเด็กเขาทะเยอทะยานอยากเป็นนักประดิษฐ์  เมื่อโตมาเขาก็เป็นเพียงกรรมกรในโรงงาน แต่เขาไม่เคยปริปากบ่นเพราะเขาถือคติที่ว่า
“บุคคลที่บ่นกระปอดกระแปด คือบุคคลที่อ่อนแอ ปราศจากความอดทน”
และบุคคลประเภทนี้ เฮนรี่ ฟอร์ด กล่าวประณามว่า “เป็นบุคคลรกโลก”

********************************************************************
ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้จากตัวเรา
ชาติกำเนิดของแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนเกิดมาพร้อมสมบูรณ์ด้วยเงินทอง บางคนเกิดมาพร้อมความยากจนของพ่อแม่ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวกำหนดชีวิตของเราเสมอไป ความรวยไม่ใช่ตัวกำหนดว่าคุณจะรวยไปตลอดหากเราเลือกที่จะใช้เงินแบบฟุ่มเฟือย ส่วนความจนก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องจนตลอดชีวิต เพราะหากเราสามารถสร้างฐานะให้ตนเองได้เราก็รวยได้ เพราะความจนความรวยไม่ได้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม มันอยู่ที่เราเลือกที่จะเป็นแบบใด
จงจำไว้เสมอว่าเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตของเราได้ แต่เราสามารถที่จะสร้างชีวิตใหม่ให้กับอนาคตของเราได้


สิ่งสำคัญ คือเราควรเคารพ ยกย่อง และให้เกียรติความสามารถตัวเอง เชื่อว่าตัวเองได้ เพราะหากเราแต่มองภาพในอดีต เรื่องราวในอดีต มันมีแต่จะทำให้จิตใจของเราอ่อนแอลง ดังนั้นเราควรมองไปยังภาพฝันในอนาคตที่เราตั้งเป้าหมายไว้จะดีกว่า แล้วเราก็ลงมือทำ
“Some dream of Worthy accomplishments, while others stay awake and do them.”
บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำถ้าเราไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตในวันนี้ ความฝันของเราก็จะยังคงเป็นแค่ความฝัน และไม่มีวันที่จะเป็นจริงได้ หากเราไม่คิดที่จะเริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ เปลี่ยนความเพ้อฝันให้เป็นการหยุดฝัน หยุดคิด หยุดพูด หยุดผัดผ่อน แล้วเริ่มลงมือแบบจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ขึ้นชื่อว่า เราได้ลงมือทำ ไม่ใช่มัวแต่ฝันกลางวันหรือสร้างวิมานในอากาศเหมือนอย่างที่เคย

********************************************************************