2543-ปฐมบท “เจริญโอสถฯ” ต้นปี 2543 ปีแห่งการถือกำเนิดของ “บริษัท เจริญโอสถ จำกัด” ในฐานะผู้ผลิตยาน้ำสมุนไพร “โหย่งเหิง” ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อสุขภาพสู่ผู้บริโภค น้ำยาสมุนไพร “โหย่งเหิง” มีต้นกำเนิดมาจากตำรับยาจีนโบราณของหมอยาจีนผู้หนึ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งถือเป็นตำรับยาเก่าแก่อันสูงส่งของจีน ในทางเดียวกันสูตรยานี้ยังได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นตำรับยาใหม่ พร้อมๆกับได้รับการยอมรับว่าเป็นตำรับยาอายุวัฒนะที่ยอดเยี่ยมในสมัยนั้น เมื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานนำเอาสูตรยานี้มาปรุงดื่มกันต่อเรื่อยๆ จนทำให้สุขภาพดี แข็งแรง และอายุยืน สรรพคุณของยานี้จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากขึ้น ยาน้ำสมุนไพร “โหย่งเหิง” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ เลขทะเบียนยา ที่ G244/43 และที่สำคัญกว่านั้นยังมีโรงงานผลิตที่มีมาตรฐานระดับสากลเป็นของตนเองอีกด้วย
2545-สู่ก้าวใหม่ขายตรงโอกาสและความสำเร็จที่ยั่งยืน ในปี 2545(วันที่ 9 มีนาคม 2545) ที่ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวใหม่ของ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” กับการเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจในระบบเครือข่ายขายตรงของประเทศไทยในฐานะ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ยาน้ำสมุนไพร “โหย่งเหิง” พร้อมๆกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมายผ่านทางสื่อโทรทัศน์ สื่อทางวิทยุและงานแสดงสินค้าต่างๆ อย่างเป็นทางการและเต็มรูปแบบ ในปีเดียวกันนี้ คือ การขยายสาขาของบริษัทฯ ในจังหวัดต่างๆกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับและฝึกอบรมการทำงานให้กับสมาชิกไว้อย่างพรั่งพร้อม และจากจุดนี้เองจึงถือเป็นช่องทางในการไขว่คว้าโอกาสและความสำเร็จของผู้คนที่เลิศล้ำที่สุด 2546
2547 ก้าวแห่งการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถือเป็นก้าวแห่งการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่งสำหรับ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยเฉพาะการสร้างสีสันใหม่ๆด้วยสไตล์การทำตลาดที่เต็มที่ไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว ทำให้สามารถเรียกความสนใจและแย่งชิงพื้นที่บนหน้าหนังสือพิมพ์ได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วนของการส่งเสริมการตลาดควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน, การจัดงานประกาศเกียรติคุณ MDP การจัดพิธีอุปสมบทหมู่ในวันแม่แห่งชาติและวันพ่อแห่งชาติ, การจัดรายการโทรทัศน์ “รักขาย รักษ์สุขภาพ” การจัดสัมนาต่างประเทศ และอื่นๆ เพื่อเป็นการพัฒนาองค์กรของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 2547 ที่ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ผสานความร่วมมือรวมพลังขยายธุรกิจโดยการจัดสัมนาชมรมนักธุรกิจขายตรงไทยซึ่งมี “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” นั่งแท่นเป็นประธานชมรมฯ ตลอดจนการจัดโครงการร่วมกับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในชื่อโครงการ “เติมบางจากทั่วไทย เติมรายได้กับบริษัทเจริญโอสถ” เป็นต้น บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับเลือกเป็นองค์กรดีเด่นที่สนับสนุนให้มีเครือข่ายธุรกิจสร้างรายได้ และเครือข่ายการสร้างคนดี พร้อมกับได้รับรางวัลพระราชทาน “รางวัล เทพทอง” ประจำปี 2546 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นรางวัลสูงสุดที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับทั้งองค์กรอย่างเหนือคำบรรยายแล้วยังเสมือนเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในช่วงปิดท้ายปี 2547 ได้อย่างงดงาม
2548-จุดเริ่มต้น “จอยมาร์ท” New Solution สำหรับ MLM เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่น่าทึ่ง!!! อีกเช่นกันกับก้าวแห่งการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขึ้นไปอีกระดับหนึ่งของ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากการพัฒนาการตลาดและขยายธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนไทย โดยก่อตั้ง “บริษัท จอยมาร์ท จำกัด” ขึ้นมารองรับภายใต้ร้านสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ซึ่งแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะทำให้คนเข้าใจหรือยอมรับได้โดยทันที โดยเฉพาะความเป็นโมเดลใหม่ของธุรกิจขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางข้อสงสัยในความเป็นไปได้ว่าจะสามารถเป็นไปได้จริงมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นภาพที่แตกต่างจากการขายตรงในยุคนั้นอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ดีด้วยกระบวนการทำงานที่มี บิสซิเนส โมเดล (Business Model) วางไว้อย่างเป็นขั้นตอน และแต่ละตอนก็มีเรื่องราวของการวิจัยเข้ามาซับพอร์ตจึงทำให้ทุกอย่างเริ่มปรากฏผลลัพธ์แห่งความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” นั่นก็คือ รูปแบบการทำตลาด(Marketing Approach) ที่เน้นการนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า ขายอะไรก็ได้ที่ลูกค้าต้องการเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะอย่างไรทั้งหมดนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็น “New Solutions สำหรับ MLM” โดยเฉพาะคำว่า Solutions ในวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของสินค้า, ความพร้อมของผู้จำหน่ายอิสระ, ความพร้อมของผู้ประกอบการ หรือมีเพียงแผนการตลาดที่ดีเท่านั้น เพราะ Solutions ที่ว่านี้จะเติมเต็มให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้จำเป็นต้องค้นหาให้เจอด้วยว่า ลูกค้าต้องการอะไร และ Solutions ที่ดีที่สุดก็คือ การมีสิ่งที่ลูกค้าต้องการและไม่ปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ถือเป็นความเชื่อมั่นในการผลักดันให้ธุรกิจโตแบบยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Sustainable Growth ได้ในที่สุด
2549-ยุคทอง “เจริญโอสถ” ยกระดับขายตรงอินเตอร์ หลังจากปูฐานความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ยุคทองของ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ขายตรงสัญชาติไทย จนก้าวขึ้นมาผงาดในวงการขายตรงเมืองไทย และพร้อมจะเปลี่ยนผ่านเพื่อก้าวไปสู่บริษัทขายตรงระดับดินเตอร์ และบริษัทพร้อมแล้วกับการแข่งขันในตลาดระดับสากล โดยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ภายใต้ชื่อ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด” ซึ่งการปรับเปลี่ยนภาพ ลักษณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อแข่งขันกับบริษัทขายตรงข้ามชาติจากทุกประเทศ ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่พัฒนาการตลาดแบบไม่หยุดยั้ง ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการขยายสาขาธุรกิจเพื่อรองรับกับจำนวนสมาชิกที่เข้ามา และสร้างความมั่นคงของบริษัทโดยบริษัทยังคงคอนเซ็ปเปลี่ยนทุกรายจ่ายให้กลับมาเป็นรายรับของสมาชิก ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนไทยต่อไป
2550-ตอกย้ำความเหนือชั้นที่กล้าแกร่งผนึกพลังความร่วมมือพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ แม้ภาพความสำเร็จของเหล่าบรรดาสมาชิกจะยังคงถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด” ก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่พัฒนาองค์กรเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้อย่างเป็นระบบไม่ว่าจะเป็น E-Business ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อขยายธุรกิจให้เป็นวงกว้างมากขึ้น การนำระบบ E-Business (อี-บิสซิเนส) มาต่อยอดในการทำธุรกิจ “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค” ถือเป็นบริษัทขายตรงรายแรกๆ ของวงการขายตรงเมืองไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีในการทำธุรกิจแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับสมาชิก เพราะเมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้วสามารถเลือกที่จะไปรับสินค้าที่ใดก็ได้ด้วย นอกจากนี้จากวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลของ “ดร.สมชาย” ที่ต้องการจะเพิ่มช่องทางในการทำตลาดให้กว้างขึ้น บริษัทยังได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัทในเครือสหพัฒน์กรุ๊ป และบริษัท ยูสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพกว่า 1,000 รายการเข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจของสมาชิกได้อีกทาง
2551-ครบรอบปีที่ 6 กับก้าวทะยานของห้างขายตรงสะดวกซื้อ ปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค ครบรอบปีที่ 6 กับการก้าวทะยานสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงพร้อมกับความสมบูรณ์ที่พร้อมให้บริการสำหรับ “MLM Convenient Store ห้างขายตรงสะดวกซื้อ” อย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตได้อีกทางหนึ่งในลักษณะการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ต้นทุนต่ำลงและสามารถจ่ายคอมมิชชั่นได้มากขึ้นอีกทั้งยังได้ผนึกกำลังกับบริษัทประกันภัยและประกันชีวิตชั้นนำมากกว่า 10 บริษัทเพื่อเพิ่มช่องทางให้สมาชิก และนำระบบ M-pay มาใช้กับระบบเครือข่ายโดยร่วมกับเอไอเอส และเพิ่มสาขา “จอยมาร์ท (JOINMART)” อีกเป็นจำนวนกว่า 38 แห่งเพื่อเพิ่มศักยภาพและความมั่นใจกับผู้บริโภคตลอดจนสมาชิกได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกับรูปธรรมที่ปรากฏออกสู่สายตาสาธารณชนก็เริ่มทยอยมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นเพราะความพรั่งพร้อมในทุกๆด้านของ MLM Convenient Store ห้างขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่ได้ตระเตรียมไว้อย่างครบเครื่อง ทั้งความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์, การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย, การมีแผนการตลาดที่เหนือชั้น และการมีระบบต่างๆไว้รองรับอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ทุกบริการสามารถซื้อขายผ่านระบบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นระบบอี-คอมเมิร์ซ, ระบบออนไลน์ รวมไปจนถึงการมีสาขาและมีกระบวนการพัฒนาฝึกพนักงานให้ทำงานตามแบบฉบับของร้านขายตรงสะดวกซื้อได้อย่างแท้จริง
2552-ปีแห่งรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่จุดกำเนิด “จอย แอนด์ คอยน์” เป็นอีกหนึ่งปีของ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด ที่ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ จากการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่พร้อมกับจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ J&C” เพื่อให้บริษัทและสินค้ามีความเป็น “อินเตอร์แบรนด์” มากขึ้นรวมถึงการสรรสร้างแบรนด์ใหม่ J&C ให้เป็นเหมือนการเชื่อมโยงระหว่างค้าปลีก ค้าส่ง ขายตรงและอี-คอมเมิร์ซ ที่หลอมรวมเป็นหนึงเดียวกันได้อย่างลงตัว และเพื่อเป็นการยกระดับแบรนด์ให้ก้าวไปสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับที่มาของชื่อบริษัทใหม่ในนาม บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นั้นมาจากการผสมผสานระหว่าคำว่า จอย ซึ่งหมายถึง “จอยมาร์ท” และคำว่า คอยน์ ก็หมายถึง เจริญโอสถฯ นั่นเอง เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของ เจริญโอสถฯในนามใหม่ “จอย แอนด์ คอยน์” ตลอดปี 2552 ก็ยังคงให้น้ำหนักกับการสร้างความน่าเชื่อถือในความมั่งคงให้เป็นที่ปรากฏต่อสายตาทุกคน โดยเฉพาะการขยายสาขาร้านขายตรงสะดวกซื้อ (JOINMART) จากปัจจุบันที่มีอยู่มากกว่า 30 แห่งทั่วประเทศรวมถึงการพัฒนาปรับปรุงสาขาของเจริญโอสถฯให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และจากการพัฒนาตัวเองที่มีให้เห็นตลอดเส้นทางในทุกอย่างก้าวนี้เองจึงทำให้บริษัทได้รับรางวัล “นวัตกรรมการตลาด ขายตรงแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อ (JOINMART) รายแรกของไทย” จาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี และสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย อย่างสมภาคภูมิ
2553-บทพิสูจน์ที่ยังคงก้าวทะยานบนเส้นทาง “ผู้สร้างอาชีพที่มั่นคง” ปี 2553 ของ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) ซึ่งยังคงได้รับการการันตีในฐานะ “ผู้สร้างอาชีพที่มั่นคง” อีกหนึ่งรางวัลที่ได้รับจาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีและชมรมผู้สื่อข่าว นับรวมถึงภาพความสำเร็จที่ต่อเนื่องจากปี 2552 จากการขยับขยายการลงทุนสู่ต่างประเทศ ด้วยการปรับธงรบตลาดขายตรงที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งว่ากันว่าเป็นการขยายตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบของขายตรงสัญชาติไทย เพราะมาเลเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในธุรกิจขายตรง และเพื่อรองรับการเติบโตอีกหนึ่งก้าวกระโดดของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และรวมไปถึงการเตรียมเปิดสาขาต่างประเทศเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม และจีน เป็นเป้าหมายต่อไป อย่างไรก็ดีเป้าหมายในการรุกคืบตลาดทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงโดยเฉพาะตลาดที่ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่แต่มีข้อจำกัดในเรื่องข้อห้ามทางกฏหมายว่าด้วยการประชุมหรือชุมนุมกันไม่ได้ดังนั้นรูปแบบในการขยายตลาดจึงจะเป็นการขยายในรูปแบบของ อี คอมเมิร์ส เป็นลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการหาพาร์ทเนอร์มาร่วมธุรกิจในอีกสเต็ปหนึ่งต่อไป นอกจากนี้ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลึกกำลังความร่วมมือกับบริษัทขายตรงเพื่อร่วมกันจัดตั้ง “สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA)” ขึ้นมา และถือเป็นหนึ่งในสมาคมฯที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมขายตรงไทย ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสมาคมฯเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาขายตรงของไทยให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและภาครัฐ ส่งเสริมและสนับสนุนสมาชิกดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และเพื่อปกป้องสิทธิ์ของบริษัทสมาชิกกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งทางด้านกฏหมายและอื่นๆ
2554-ก้าวปัจจุบันของผู้นำแถวหน้าขายตรงไทยสู่ก้าวอนาคตกับความเป็น “บริษัทมหาชน” ในตลาดทุน ภาพความมั่นคงและยั่งยืนของ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นับจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็คงปรากฏให้เห็นความเด่นชัดมากขึ้นทุกปี รวมถึงในปี 2554 ซึ่งถือเป็นปีแห่งการ เตรียมความพร้อมสู่อนาคตในอีก 3 ปีข้างหน้ากับการขับเคลื่อนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (MAI) เป็น “บริษัทมหาชน” ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่หลักเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการพิจารณานำบริษํทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯดังกล่าวจะต้องมีทุนมากกว่า 300 ล้านบาทรวมทั้งต้องมีกำไรแต่ล่ะปีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และมียอดขายโดยรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับความสำเร็จของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่จะขยับก้าวไปถึง ณ จุดนั้นได้โดยไม่ยาก ทั้งดูได้จากยอดขายโดยรวมที่ยังคงไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในปี 2554 นี้น่าจะปรากฏตัวเลขยอดขายโดยรวมมากกว่า 2,000 ล้านบาทอีกด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับการปูรากฐานความแข็งแกร่งและความพรั่งพร้อมไว้รองรับอย่างมากมาย โดยเฉพาะการซื้อที่ดินแปลงล่ะไม่ต่ำกว่า 2 ไร่สำหรับขยายสาขาในจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น ขอนแก่น, พิษณุโลก, หาดใหญ่, ตรัง, นครศรีธรรมราช, อุดรธานี และปัตตานี เป็นต้น เพื่อพัฒนาให้ธุรกิจมีความทันสมัยและใหญ่กว่าเดิมโดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดด้วยงบลงทุนต่อสาขาในแต่ล่ะจังหวัดไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
การพัฒนารูปแบบใหม่ทางการตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ โดยการนำเอา “จอยมาร์ท (JOINMART)” และ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” มาผสมผสานทั้งเฮ้าส์แบรนด์และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคมารวมกัน ก่อนขยับก้าวต่อไปสู่การเป็น “ซุปเปอร์สโตร์” อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับการพัฒนาการสร้างองค์กรอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อก้าวไปสู่ความเป็น “บริษัทมหาชน” ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” ที่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
2555-2556 ตอกย้ำความกล้าแกร่งในทุกมิติ ตลอดปี 2555 จวบจนย่างก้าวสู่ปี 2556 สำหรับ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นั้นเรียกได้ว่าเป็นการตอกย้ำถึงความกล้าแกร่งในทุกมิติ ซึ่งเห็นได้จากการไต่ระดับยอดขายในปี 2555 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,400 ล้านบาท ในขณะที่ยอดสมาชิกนักธุรกิจใหม่ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% โดยคิดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงกว่า 13,000 คน เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีตัวเลขเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเดือนละ 8,000-9,000 คน โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆของปี 2555 ก็จะยิ่งได้เห็นอัตราการขยายตัวของสมาชิก นักธุรกิจใหม่ จอย แอนด์ คอยน์(J&C) ที่ดีดตัวสูงขึ้นไปถึง 15,000 คนต่อเดือน หรือหากคิดยอดสมาชิกใหม่รวมตลอดทั้งปีก็น่าจะมากกว่า 200,000 คนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมของ จอย แอนด คอยน์ (J&C) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นั้นก็ได้คุณมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เมย์ แบงก์ กิมเอง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ อย่างเช่น ในเบื้องต้นที่บริษัทได้เพิ่มในส่วนของทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 150 ล้านบาทในปี 2555 และคาดว่าในปี 2556 นี้จะเพิ่มทุนจดทะเบียนรวมเป็น 250 ล้านบาท นอกจากนี้ ดร.สมชาย หัชลีฬหา ยังวางเป้าหมายในการเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยรวมก่อนเข้าตลาดทุนให้ได้ในระดับ 400-500 ล้านบาท ซึ่งนั่นหมายถึงการมีเป้าหมายในตลาดใหญ่อันจะนำไปสู่ภาพลักษณ์ความมั่นคงทางธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น และนอกเหนือจากภาพความสำเร็จทั้งหมดของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถที่เหลือล้นของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ที่มีส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมขายตรงไทยให้ก้าวล้ำนำหน้ามาโดยตลอดภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแนวคิดแนวทางสู่การวางรากฐานความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นกับทั้งอุตสาหกรรม ดดยมีรางวัลการันตรีถึงความเป็นนักบริหารแถวหน้าของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ผุ้เป็นหัวเรือใหญ่ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งจากภายในภายนอกวงการ อาทิ การได้รับรางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี” ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ประกอบไปด้วย รางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2010 รางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2011 ภาคธุรกิจพาณิชย์ และรางวัลบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ที่ได้รับไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555 โดยมี ฯพณฯ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัลดังกล่าว ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมถึงการที่สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย(สว.นท.) และสมาชิกสื่อมวลชนเครือข่ายองค์กรสมาคมชมรมทั่วประเทศได้คัดเลือกให้ ดร.สมชาย หัชลีฬหา เข้ารับรางวัลบุคคลแบบอย่าง “คนดี คิดดี สังคมดี ตามรอย พระยุคลบาท” ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ประจำปี 2556 เมื่อวัน จันทร์ ที่ 28 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิถาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
2545-สู่ก้าวใหม่ขายตรงโอกาสและความสำเร็จที่ยั่งยืน ในปี 2545(วันที่ 9 มีนาคม 2545) ที่ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวใหม่ของ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” กับการเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจในระบบเครือข่ายขายตรงของประเทศไทยในฐานะ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ยาน้ำสมุนไพร “โหย่งเหิง” พร้อมๆกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมายผ่านทางสื่อโทรทัศน์ สื่อทางวิทยุและงานแสดงสินค้าต่างๆ อย่างเป็นทางการและเต็มรูปแบบ ในปีเดียวกันนี้ คือ การขยายสาขาของบริษัทฯ ในจังหวัดต่างๆกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับและฝึกอบรมการทำงานให้กับสมาชิกไว้อย่างพรั่งพร้อม และจากจุดนี้เองจึงถือเป็นช่องทางในการไขว่คว้าโอกาสและความสำเร็จของผู้คนที่เลิศล้ำที่สุด 2546
2547 ก้าวแห่งการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถือเป็นก้าวแห่งการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่งสำหรับ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยเฉพาะการสร้างสีสันใหม่ๆด้วยสไตล์การทำตลาดที่เต็มที่ไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว ทำให้สามารถเรียกความสนใจและแย่งชิงพื้นที่บนหน้าหนังสือพิมพ์ได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วนของการส่งเสริมการตลาดควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน, การจัดงานประกาศเกียรติคุณ MDP การจัดพิธีอุปสมบทหมู่ในวันแม่แห่งชาติและวันพ่อแห่งชาติ, การจัดรายการโทรทัศน์ “รักขาย รักษ์สุขภาพ” การจัดสัมนาต่างประเทศ และอื่นๆ เพื่อเป็นการพัฒนาองค์กรของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 2547 ที่ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ผสานความร่วมมือรวมพลังขยายธุรกิจโดยการจัดสัมนาชมรมนักธุรกิจขายตรงไทยซึ่งมี “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” นั่งแท่นเป็นประธานชมรมฯ ตลอดจนการจัดโครงการร่วมกับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในชื่อโครงการ “เติมบางจากทั่วไทย เติมรายได้กับบริษัทเจริญโอสถ” เป็นต้น บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับเลือกเป็นองค์กรดีเด่นที่สนับสนุนให้มีเครือข่ายธุรกิจสร้างรายได้ และเครือข่ายการสร้างคนดี พร้อมกับได้รับรางวัลพระราชทาน “รางวัล เทพทอง” ประจำปี 2546 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นรางวัลสูงสุดที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับทั้งองค์กรอย่างเหนือคำบรรยายแล้วยังเสมือนเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในช่วงปิดท้ายปี 2547 ได้อย่างงดงาม
2548-จุดเริ่มต้น “จอยมาร์ท” New Solution สำหรับ MLM เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่น่าทึ่ง!!! อีกเช่นกันกับก้าวแห่งการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขึ้นไปอีกระดับหนึ่งของ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากการพัฒนาการตลาดและขยายธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนไทย โดยก่อตั้ง “บริษัท จอยมาร์ท จำกัด” ขึ้นมารองรับภายใต้ร้านสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ซึ่งแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะทำให้คนเข้าใจหรือยอมรับได้โดยทันที โดยเฉพาะความเป็นโมเดลใหม่ของธุรกิจขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางข้อสงสัยในความเป็นไปได้ว่าจะสามารถเป็นไปได้จริงมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นภาพที่แตกต่างจากการขายตรงในยุคนั้นอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ดีด้วยกระบวนการทำงานที่มี บิสซิเนส โมเดล (Business Model) วางไว้อย่างเป็นขั้นตอน และแต่ละตอนก็มีเรื่องราวของการวิจัยเข้ามาซับพอร์ตจึงทำให้ทุกอย่างเริ่มปรากฏผลลัพธ์แห่งความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” นั่นก็คือ รูปแบบการทำตลาด(Marketing Approach) ที่เน้นการนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า ขายอะไรก็ได้ที่ลูกค้าต้องการเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะอย่างไรทั้งหมดนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็น “New Solutions สำหรับ MLM” โดยเฉพาะคำว่า Solutions ในวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของสินค้า, ความพร้อมของผู้จำหน่ายอิสระ, ความพร้อมของผู้ประกอบการ หรือมีเพียงแผนการตลาดที่ดีเท่านั้น เพราะ Solutions ที่ว่านี้จะเติมเต็มให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้จำเป็นต้องค้นหาให้เจอด้วยว่า ลูกค้าต้องการอะไร และ Solutions ที่ดีที่สุดก็คือ การมีสิ่งที่ลูกค้าต้องการและไม่ปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ถือเป็นความเชื่อมั่นในการผลักดันให้ธุรกิจโตแบบยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Sustainable Growth ได้ในที่สุด
2549-ยุคทอง “เจริญโอสถ” ยกระดับขายตรงอินเตอร์ หลังจากปูฐานความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ยุคทองของ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ขายตรงสัญชาติไทย จนก้าวขึ้นมาผงาดในวงการขายตรงเมืองไทย และพร้อมจะเปลี่ยนผ่านเพื่อก้าวไปสู่บริษัทขายตรงระดับดินเตอร์ และบริษัทพร้อมแล้วกับการแข่งขันในตลาดระดับสากล โดยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ภายใต้ชื่อ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด” ซึ่งการปรับเปลี่ยนภาพ ลักษณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อแข่งขันกับบริษัทขายตรงข้ามชาติจากทุกประเทศ ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่พัฒนาการตลาดแบบไม่หยุดยั้ง ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการขยายสาขาธุรกิจเพื่อรองรับกับจำนวนสมาชิกที่เข้ามา และสร้างความมั่นคงของบริษัทโดยบริษัทยังคงคอนเซ็ปเปลี่ยนทุกรายจ่ายให้กลับมาเป็นรายรับของสมาชิก ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนไทยต่อไป
2550-ตอกย้ำความเหนือชั้นที่กล้าแกร่งผนึกพลังความร่วมมือพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ แม้ภาพความสำเร็จของเหล่าบรรดาสมาชิกจะยังคงถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด” ก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่พัฒนาองค์กรเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้อย่างเป็นระบบไม่ว่าจะเป็น E-Business ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อขยายธุรกิจให้เป็นวงกว้างมากขึ้น การนำระบบ E-Business (อี-บิสซิเนส) มาต่อยอดในการทำธุรกิจ “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค” ถือเป็นบริษัทขายตรงรายแรกๆ ของวงการขายตรงเมืองไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีในการทำธุรกิจแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับสมาชิก เพราะเมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้วสามารถเลือกที่จะไปรับสินค้าที่ใดก็ได้ด้วย นอกจากนี้จากวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลของ “ดร.สมชาย” ที่ต้องการจะเพิ่มช่องทางในการทำตลาดให้กว้างขึ้น บริษัทยังได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัทในเครือสหพัฒน์กรุ๊ป และบริษัท ยูสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพกว่า 1,000 รายการเข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจของสมาชิกได้อีกทาง
2551-ครบรอบปีที่ 6 กับก้าวทะยานของห้างขายตรงสะดวกซื้อ ปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค ครบรอบปีที่ 6 กับการก้าวทะยานสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงพร้อมกับความสมบูรณ์ที่พร้อมให้บริการสำหรับ “MLM Convenient Store ห้างขายตรงสะดวกซื้อ” อย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตได้อีกทางหนึ่งในลักษณะการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ต้นทุนต่ำลงและสามารถจ่ายคอมมิชชั่นได้มากขึ้นอีกทั้งยังได้ผนึกกำลังกับบริษัทประกันภัยและประกันชีวิตชั้นนำมากกว่า 10 บริษัทเพื่อเพิ่มช่องทางให้สมาชิก และนำระบบ M-pay มาใช้กับระบบเครือข่ายโดยร่วมกับเอไอเอส และเพิ่มสาขา “จอยมาร์ท (JOINMART)” อีกเป็นจำนวนกว่า 38 แห่งเพื่อเพิ่มศักยภาพและความมั่นใจกับผู้บริโภคตลอดจนสมาชิกได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกับรูปธรรมที่ปรากฏออกสู่สายตาสาธารณชนก็เริ่มทยอยมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นเพราะความพรั่งพร้อมในทุกๆด้านของ MLM Convenient Store ห้างขายตรงสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท (JOINMART)” ที่ได้ตระเตรียมไว้อย่างครบเครื่อง ทั้งความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์, การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย, การมีแผนการตลาดที่เหนือชั้น และการมีระบบต่างๆไว้รองรับอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ทุกบริการสามารถซื้อขายผ่านระบบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นระบบอี-คอมเมิร์ซ, ระบบออนไลน์ รวมไปจนถึงการมีสาขาและมีกระบวนการพัฒนาฝึกพนักงานให้ทำงานตามแบบฉบับของร้านขายตรงสะดวกซื้อได้อย่างแท้จริง
2552-ปีแห่งรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่จุดกำเนิด “จอย แอนด์ คอยน์” เป็นอีกหนึ่งปีของ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด ที่ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ จากการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่พร้อมกับจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ J&C” เพื่อให้บริษัทและสินค้ามีความเป็น “อินเตอร์แบรนด์” มากขึ้นรวมถึงการสรรสร้างแบรนด์ใหม่ J&C ให้เป็นเหมือนการเชื่อมโยงระหว่างค้าปลีก ค้าส่ง ขายตรงและอี-คอมเมิร์ซ ที่หลอมรวมเป็นหนึงเดียวกันได้อย่างลงตัว และเพื่อเป็นการยกระดับแบรนด์ให้ก้าวไปสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับที่มาของชื่อบริษัทใหม่ในนาม บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นั้นมาจากการผสมผสานระหว่าคำว่า จอย ซึ่งหมายถึง “จอยมาร์ท” และคำว่า คอยน์ ก็หมายถึง เจริญโอสถฯ นั่นเอง เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของ เจริญโอสถฯในนามใหม่ “จอย แอนด์ คอยน์” ตลอดปี 2552 ก็ยังคงให้น้ำหนักกับการสร้างความน่าเชื่อถือในความมั่งคงให้เป็นที่ปรากฏต่อสายตาทุกคน โดยเฉพาะการขยายสาขาร้านขายตรงสะดวกซื้อ (JOINMART) จากปัจจุบันที่มีอยู่มากกว่า 30 แห่งทั่วประเทศรวมถึงการพัฒนาปรับปรุงสาขาของเจริญโอสถฯให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และจากการพัฒนาตัวเองที่มีให้เห็นตลอดเส้นทางในทุกอย่างก้าวนี้เองจึงทำให้บริษัทได้รับรางวัล “นวัตกรรมการตลาด ขายตรงแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อ (JOINMART) รายแรกของไทย” จาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี และสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย อย่างสมภาคภูมิ
2553-บทพิสูจน์ที่ยังคงก้าวทะยานบนเส้นทาง “ผู้สร้างอาชีพที่มั่นคง” ปี 2553 ของ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) ซึ่งยังคงได้รับการการันตีในฐานะ “ผู้สร้างอาชีพที่มั่นคง” อีกหนึ่งรางวัลที่ได้รับจาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีและชมรมผู้สื่อข่าว นับรวมถึงภาพความสำเร็จที่ต่อเนื่องจากปี 2552 จากการขยับขยายการลงทุนสู่ต่างประเทศ ด้วยการปรับธงรบตลาดขายตรงที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งว่ากันว่าเป็นการขยายตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบของขายตรงสัญชาติไทย เพราะมาเลเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในธุรกิจขายตรง และเพื่อรองรับการเติบโตอีกหนึ่งก้าวกระโดดของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และรวมไปถึงการเตรียมเปิดสาขาต่างประเทศเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม และจีน เป็นเป้าหมายต่อไป อย่างไรก็ดีเป้าหมายในการรุกคืบตลาดทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงโดยเฉพาะตลาดที่ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่แต่มีข้อจำกัดในเรื่องข้อห้ามทางกฏหมายว่าด้วยการประชุมหรือชุมนุมกันไม่ได้ดังนั้นรูปแบบในการขยายตลาดจึงจะเป็นการขยายในรูปแบบของ อี คอมเมิร์ส เป็นลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการหาพาร์ทเนอร์มาร่วมธุรกิจในอีกสเต็ปหนึ่งต่อไป นอกจากนี้ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลึกกำลังความร่วมมือกับบริษัทขายตรงเพื่อร่วมกันจัดตั้ง “สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA)” ขึ้นมา และถือเป็นหนึ่งในสมาคมฯที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมขายตรงไทย ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสมาคมฯเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาขายตรงของไทยให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและภาครัฐ ส่งเสริมและสนับสนุนสมาชิกดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และเพื่อปกป้องสิทธิ์ของบริษัทสมาชิกกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งทางด้านกฏหมายและอื่นๆ
2554-ก้าวปัจจุบันของผู้นำแถวหน้าขายตรงไทยสู่ก้าวอนาคตกับความเป็น “บริษัทมหาชน” ในตลาดทุน ภาพความมั่นคงและยั่งยืนของ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นับจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็คงปรากฏให้เห็นความเด่นชัดมากขึ้นทุกปี รวมถึงในปี 2554 ซึ่งถือเป็นปีแห่งการ เตรียมความพร้อมสู่อนาคตในอีก 3 ปีข้างหน้ากับการขับเคลื่อนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (MAI) เป็น “บริษัทมหาชน” ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่หลักเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการพิจารณานำบริษํทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯดังกล่าวจะต้องมีทุนมากกว่า 300 ล้านบาทรวมทั้งต้องมีกำไรแต่ล่ะปีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และมียอดขายโดยรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับความสำเร็จของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่จะขยับก้าวไปถึง ณ จุดนั้นได้โดยไม่ยาก ทั้งดูได้จากยอดขายโดยรวมที่ยังคงไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในปี 2554 นี้น่าจะปรากฏตัวเลขยอดขายโดยรวมมากกว่า 2,000 ล้านบาทอีกด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับการปูรากฐานความแข็งแกร่งและความพรั่งพร้อมไว้รองรับอย่างมากมาย โดยเฉพาะการซื้อที่ดินแปลงล่ะไม่ต่ำกว่า 2 ไร่สำหรับขยายสาขาในจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น ขอนแก่น, พิษณุโลก, หาดใหญ่, ตรัง, นครศรีธรรมราช, อุดรธานี และปัตตานี เป็นต้น เพื่อพัฒนาให้ธุรกิจมีความทันสมัยและใหญ่กว่าเดิมโดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดด้วยงบลงทุนต่อสาขาในแต่ล่ะจังหวัดไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
การพัฒนารูปแบบใหม่ทางการตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ โดยการนำเอา “จอยมาร์ท (JOINMART)” และ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” มาผสมผสานทั้งเฮ้าส์แบรนด์และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคมารวมกัน ก่อนขยับก้าวต่อไปสู่การเป็น “ซุปเปอร์สโตร์” อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับการพัฒนาการสร้างองค์กรอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อก้าวไปสู่ความเป็น “บริษัทมหาชน” ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” ที่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
2555-2556 ตอกย้ำความกล้าแกร่งในทุกมิติ ตลอดปี 2555 จวบจนย่างก้าวสู่ปี 2556 สำหรับ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (J&C) นั้นเรียกได้ว่าเป็นการตอกย้ำถึงความกล้าแกร่งในทุกมิติ ซึ่งเห็นได้จากการไต่ระดับยอดขายในปี 2555 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,400 ล้านบาท ในขณะที่ยอดสมาชิกนักธุรกิจใหม่ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% โดยคิดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงกว่า 13,000 คน เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีตัวเลขเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเดือนละ 8,000-9,000 คน โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆของปี 2555 ก็จะยิ่งได้เห็นอัตราการขยายตัวของสมาชิก นักธุรกิจใหม่ จอย แอนด์ คอยน์(J&C) ที่ดีดตัวสูงขึ้นไปถึง 15,000 คนต่อเดือน หรือหากคิดยอดสมาชิกใหม่รวมตลอดทั้งปีก็น่าจะมากกว่า 200,000 คนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมของ จอย แอนด คอยน์ (J&C) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นั้นก็ได้คุณมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เมย์ แบงก์ กิมเอง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ อย่างเช่น ในเบื้องต้นที่บริษัทได้เพิ่มในส่วนของทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 150 ล้านบาทในปี 2555 และคาดว่าในปี 2556 นี้จะเพิ่มทุนจดทะเบียนรวมเป็น 250 ล้านบาท นอกจากนี้ ดร.สมชาย หัชลีฬหา ยังวางเป้าหมายในการเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยรวมก่อนเข้าตลาดทุนให้ได้ในระดับ 400-500 ล้านบาท ซึ่งนั่นหมายถึงการมีเป้าหมายในตลาดใหญ่อันจะนำไปสู่ภาพลักษณ์ความมั่นคงทางธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น และนอกเหนือจากภาพความสำเร็จทั้งหมดของ จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) ที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถที่เหลือล้นของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ที่มีส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมขายตรงไทยให้ก้าวล้ำนำหน้ามาโดยตลอดภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแนวคิดแนวทางสู่การวางรากฐานความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นกับทั้งอุตสาหกรรม ดดยมีรางวัลการันตรีถึงความเป็นนักบริหารแถวหน้าของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ผุ้เป็นหัวเรือใหญ่ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งจากภายในภายนอกวงการ อาทิ การได้รับรางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี” ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ประกอบไปด้วย รางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2010 รางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2011 ภาคธุรกิจพาณิชย์ และรางวัลบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ที่ได้รับไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555 โดยมี ฯพณฯ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัลดังกล่าว ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมถึงการที่สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย(สว.นท.) และสมาชิกสื่อมวลชนเครือข่ายองค์กรสมาคมชมรมทั่วประเทศได้คัดเลือกให้ ดร.สมชาย หัชลีฬหา เข้ารับรางวัลบุคคลแบบอย่าง “คนดี คิดดี สังคมดี ตามรอย พระยุคลบาท” ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ประจำปี 2556 เมื่อวัน จันทร์ ที่ 28 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิถาวดีรังสิต กรุงเทพฯ